ความลับของแมว : House Cat

แมวบ้านนั้น พวกมันอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์นับตั้งแต่แรกเริ่มอารยะธรรม แต่พวกมันมีอายุสั้นกว่ามนุษย์ จึงมีวัยเยาว์ที่แสนสั้น ทารกน้อยที่อายุเท่าลูกแมวคือ 6 สัปดาห์ ยังวิ่ง กระโดดและสำรวจไม่ได้ พอถึงเวลาที่ลูกแมวอายุได้ 5 เดือน เด็กยิ่งกว่าทารกเสียอีก พวกแมวกลับกลายเป็นรุ่นใหญ่แล้ว และมีชีวิตที่เต็มไปด้วยการผจญภัยความสัมพันธ์ของมนุษย์ช่วยแมวได้ยิ่งมนุษย์มีจำนวนมากขึ้นเท่าใด แมวบ้านก็เช่นกันตอนนี้มีแมวราว 450 ล้านตัวในโลก

ทำให้แมวบ้านเป็นสายสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด แต่มิได้หมายความว่าพวกมันจะพึ่งพาตัวเองไม่ได้แมวบ้านยังคงลักษณะทางกายภาพเยื่ยงบรรพบุรุษแมวป่าทุกประการ ทั้งการสปริงตัวและความคล่องแคล่วความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บถ้าตกจากที่สูง โดยใช้ปฏิกิริยาตอบสนองแบบไรติ้ง คือสามารถพลิกตัวกลางอากาศอัตโนมัติแล้วลงมายืนบนเท้าทั้งสี่ได้อย่างปลอดภัย

แมวบ้านก็เหมือนกับแมวป่า มันจะไม่ทำสิ่งใดมากกว่าที่จำเป็น และใช้เวลามากถึง 18 ชั่วโมงกับการนอน ในป่าแมวมันจะออกล่าในยามค่ำคืน พวกมันมีดวงตาที่สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้ท่ามกลางแสงสลัว มากกว่าที่มนุษย์จะมองเห็นได้ถึง 6 เท่าทุกวันนี้ มีแมวทั้งสิ้น 37 สายพันธุ์ สิ่งแรกที่คนนึกถึงมันก็คือ วิธีเคลื่อนไหว วิธีใช้ชีวิตและล่าตามลำพัง พวกมันต่างจากสุนัขและหมี ซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อเช่นกัน เพราะแมวจะกินแต่เนื้อเพียงอย่างเดียวแล้วอะไรทำให้แมวเป็นสัตว์เช่นนี้ มันเริ่มจากโครงสร้างพื้นฐาน โครงกระดูกที่น้ำหนักเบาและยืดหยุ่นแต่มั่นคงกระดูกสันหลัง ซึ่งรวมไปถึงหางถ่วงสมดุล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดสำหรับร่างกายอันยืดหยุ่นของแมวแผ่นกลมระหว่างกระดูกสันหลังหนายิ่งกว่าสัตว์หลายชนิด และข้อต่อระหว่างกระดูกก็หลวมกว่าทำให้พวกมันเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นแมวจะเดินด้วยนิ้วเท้าซึ่งช่วยเพิ่มความยาวให้ขาอย่างได้ผล และระยะของแต่ละก้าวทำให้แมวเดินได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ

ความลับอีกส่วนหนึ่งของความคล่องแคล่วของแมวอยู่ที่รูปลักษณ์ของบ่า กล้ามเนื้อจะทำหน้าที่เหมือนสปริง มันยืดหยุ่นยิ่งกว่ากล้ามเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ พวกมันจะขยายและหดกล้ามเนื้อเหมือนสายบันจี้ และทำให้แมวมีความสามารถกระโดดสูงได้หลายเท่าตัว มนุษย์ที่มีกล้ามเนื้อเหมือนแมวสามารถกระโดดจากพื้นดินขึ้นหลังคาบ้านได้ ยามที่แมวกระโดด พลังจะมาจากกล้ามเนื้อขาหลัง ซึ่งเหมาะสำหรับความเร็วในการพุ่งทะยานแต่จะทำให้เหนื่อยหากวิ่งไกล แมวจึงเป็นนักกระโจนในช่วงสั้น มิใช่นักวิ่งมาราธอน แมวยังเป็นนักไต่เชือกอีกด้วย ไม่ว่าพวกมันจะอยู่บนกิ่งไม้หรือบนยอดรั้ว ก็เดินได้เหมือนเดินบนถนนธรรมดา

 

<------------->

<------------->

 

จมูกของแมวมีเนื้อเยื่อที่กลิ่นถูกฝังรอยเอาไว้ ใหญ่กว่ามนุษย์ถึง 2 เท่า พวกมันต้องสูดอากาศเข้าทางปากแล้วเซลล์พิเศษจะวิเคราะห์กลิ่น นอกจากกลิ่นจะใช้ในการสื่อสารแล้ว แมวยังใช้การถูกอีกด้วย ท่าทางการถูจมูกของแมวสำคัญมากในสังคมแมว แมวมักจะถูไถกับแมวตัวใหญ่หรือดุกว่าตัวเอง ตัวอย่างเช่น แมวเพศเมียจะถูตัวแมวตัวผู้เพื่อแสดงท่าทางอ่อนน้อม สิ่งที่พวกมันทำเวลามาถูกับเราคือ รู้ว่าเราแข็งแรงและมีอำนาจมากกว่ามันแสดงท่าทางอ่อนน้อมเพื่อให้รู้ว่าพวกมันอยากเป็นมิตรกับเรามากขึ้นแล้วจำนั้นก็เป็นเสียงครางการครางนั้นดูเหมือนจะเป้นการดึงดูดความสนใจและเชิญชวนให้สัมผัส แมวจะครางเมื่อพอใจ และอยากให้แมวตัวอื่นมาลงด้วยกันหรือเจ้าของ แต่พวกมันจะครางถ้าหากว่าเจ็บปวดมาก เช่นโดนรถชน ดูค่อนข้างแปลกเพราะคนคิดว่ามันครางเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่มันคือการเรียกร้องความสนใจพวกมันต้องการความช่วยเหลือ

ในฐานะเพื่อน แมวและมนุษย์อาจสืบย้อนกันขึ้นไปถึง 4 พันปี แต่ความคล้ายคลึงกันกลับมีมากกว่านั้นเพราะทั้งคู่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและมีมรดกพันธุกรรมเหมือนกัน แมวถือได้ว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่ของเราพวกมันมาหาเราพร้อมๆกับอารยธรรม และจากสัตว์ทั้งปวงที่เราเลี้ยงให้เชื่องได้ พวกมันเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่เราไม่ได้ดูแลเยี่ยงนายกับบ่าวแมวเลือกที่จะอยู่กับเรา และเราอยู่กับมัน การมีพวกมันอยู่ในบ้านมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น คือเราชอบมันและมันก็ชอบเราด้วย

(1945)

ใส่ความเห็น