นักล่าแห่งคาลาฮารี

ท่ามกลางความเงียบสงัดของทะเลทรายคาลาฮารี (Kalahari) ในทวีปแอฟริกายังคงมีเสียงแห่งชีวิตที่ดำเนินไปท่ามกลางดินแดนที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย

“สุนัขจิ้งจอกหูค้างคาว (Bat – eared Foxes)” อาศัยอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ สุนัขจิ้งจอกชนิดนี้ได้รับการขนานนามดังกล่าว เนื่องมาจากหูทรงรีขนาดใหญ่ของพวกมันนั่นเอง สุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวนั้น ดำรงชีวิตอยู่รอดได้จากการฟังที่เป็นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการฟังเสียงของเหยื่อ หรือเสียงของอันตรายจากนักล่าชนิดอื่นที่คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบกริบ

นับจากวันแรกที่สุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวถือกำเนิดขึ้นมา พวกมันก็ต้องก้าวเข้าโลกของการต่อสู้อันไร้ซึ่งความปรานี การดักฟังเสียง คือหนทางในการอยู่รอด แต่ทว่า การพึ่งพาอาศัยเพื่อนบ้านเพื่อการระแวดระวังภัย ก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง มันสามารถช่วยได้มากในเรื่องนี้

เมียร์แคท มีสายตาที่แหลมคมมาก และมีความตื่นตัวอยู่เสมอ พวกมันหวงแหนลูกน้อยอย่างที่สุด ซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งดี เพราะในบางครั้ง “แจ๊คกัลหลังดำ (Black – backed Jackal)” มักเข้ามาป้วนเปี้ยนหากินในบริเวณที่สุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวอาศัยอยู่ เจ้าแจ๊คกัลอาจจะดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวอื่นๆ แต่ทว่าสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวกลับมองเจ้าแจ๊คกับนั้นเป็นภัยคุกคามต่อลูกๆของพวกมันอย่างแน่นอน

ในฤดูร้อนอันแสนแห้งแล้ง สัตว์หลายชนิดอพยพย้ายถิ่นออกไปจากบริเวณก้นแม่น้ำ “น้อสส็อบ (Nossob)” ที่แห้งขอด ในมุมที่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของประเทศบอสวาน่า (Botswana) แต่หลังจากฤดูร้อนสิ้นสุดลง สัตว์จำนวนมากก็จะหวนกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีก

  

แต่อาณาเขตของเจ้าสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวนั้น อาจจะขยายไปถึง 5 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตเป็นบริเวณที่พวกมันสามารถออกหาอาหารได้เสมอ ท่ามกลางแสงแดด พวกมันจะล่าด้วยการดมกลิ่นหรือใช้สายตา และในยามที่ความมืดของค่ำคืนโรยตัวลงมา พวกมันจะไว้วางใจหูที่แม่นยำเสมือนเรดาร์ของพวกมัน ถึงเหยื่อจะซุกซ่อนตัวเองฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน ก็ไม่รอดพ้นการฟังเสียงของสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวไปได้ แมงป่องที่แสนอันตราย จึงต้องตกเป็นอาหารให้กับเจ้าสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาว
หากว่าสุนัขจิ้งจอกชนิดนี้ พบกับเผ่าพันธุ์ของตัวเองที่บาดเจ็บและหลบหนีจากการตามล่ามา พวกมันอาจจะให้ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย แต่จะไม่มีวันให้พักค้างคืนร่วมด้วยเป็นอันขาด นั่นเป็นเพราะ บาดแผลของตัวที่บาดเจ็บ จะดึงดูดนักล่าชนิดอื่นๆให้เข้ามาหา ซึ่งสิงโตก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

แต่บางครั้ง แขกที่ไม่ได้รับเชิญอาจส่งผลต่อครอบครัวของมันได้ เพราะการย้ายเข้ามาอยู่ของ “สุนัขจิ้งจอกเคป (Cape Foxes)” จอมกระหายเลือดที่กินทุกอย่างแม้แต่ลูกของเมียร์แคท ทำให้ครอบครัวของเจ้าเมียร์แคทตัดสินใจย้ายที่อยู่ และเจ้าสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวนั้นจะขาดระบบสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งระบบดังกล่าวนั้นมีประโยชน์มาก อย่างน้อยจะต้องมีเมียร์แคทหนึ่งตัวคอยเฝ้ายามอยู่เสมอ

เสือชีต้าห์ เป็นนักล่าอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้ บรรยากาศและความกดดันจากการล่า ของเจ้าเสือชนิดนี้ ทั้งของไฮยีนา (Hyena) และแจ๊คกัล ส่งผลให้ครอบครัวสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวต้องย้ายที่อยู่เช่นเดียวกัน แต่ทว่า การย้ายสู่บ้านใหม่ ต้องแลกด้วยการสูญเสียลูกน้อยไปหนึ่งชีวิต

นักล่าที่สะกดรอยตามมาได้สังหารมันไปเพื่อเป็นอาหารให้กับตัวเอง หลังจากฤดูแล้งที่แสนทรมานได้ผ่านพ้นไป หยาดฝนได้พร่างพรูลงมา ส่งผลให้แม่น้ำน้อสส็อบเต็มไปด้วยน้ำอีกครั้ง และดึงดูดสรรพชีวิตมาสู่ความชุ่มชื้น อีกไม่นานเจ้าสุนัขจิ้งจอกหูค้างคาวตัวน้อยก็จะเจริญเติบโต และออกไปสร้างครอบครัวของตนเอง เป็นดั่งวัฎจักรของธรรมชาติ เช่นเดียวกับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตอีกนานาชนิดที่หมุนเวียนและดำเนินต่อไป เป็นอีกบทหนึ่งของละครแห่งชีวิตในโลกของธรรมชาติ

(1382)