ความพิเศษของกลิ่น

ประสาทการดมกลิ่นของมนุษย์เรานั้นไวกว่าประสาทการชิมรสถึง 1 หมื่นเท่า และมีสัตว์บางชนิดที่มักจะทำให้คุณได้กลิ่นอยู่เสมอมีสัตว์อีกหลายชนิดที่ใช้กลิ่นเฉพาะในโอกาสพิเศษด้วยเหตุผลเฉพาะของพวกมัน เช่น ใช้เป็นสัญญาณ คำเตือนสารรักหรืออะไรก็ตาม เมื่ออณูกลิ่นฟุ้งกระจายแล้วเข้ามาในจมูกของคุณ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด คุณจะคิดว่ามันเหม็น

ความเหม็นนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งที่คุณว่าหอมอาจทำให้คนอื่นสำลัก หรือจะพูดตามสุภาษิตที่ว่า “ความเหม็นนั้นขึ้นอยู่กับจมูกผู้ดม” ถ้าจะให้ทำรายชื่อของสัตว์ที่มีกลิ่นเหม็นที่สุดในโลกสิบชนิด และด้วยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า สเมลโอมีเตอร์ (Smell-O-Meter) จะสามารถเปรียบเทียบความเหม็นของสัตว์แต่ละชนิด ตั้งแต่พวกที่น่าขยะแขยงที่สุด จนถึง พวกที่แทบจะไม่มีกลิ่นเลย

สัตว์ที่มีกลิ่นเหม็นอันดับที่ 10 ของโลกก็คือเม่น กลิ่นของเม่นเป็นผลผลิตของทั้งต่อมและความขี้เกียจทำความสะอาดเช่นเดียวกับสัตว์จำนวนมาก เม่นอเมริกาเหนือเหม็นเพราะรัก มันมีกลิ่นเหม็นเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง เม่นเพศผู้จะเดินไปทั่วป่า เพื่อฉี่ สัญญาณกลิ่นนี้จงใจให้เพศเมียรู้ว่าพวกมันมาถึงและพร้อมแล้วไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่สัตว์ฟันแทะหุ้มเกราะชนิดนี้มีนักล่าธรรมชาติไม่กี่ชนิด เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู เม่นจะปล่อยกลิ่นเหม็นที่คาดว่าออกแบบมาเพื่อประหยัดการใช้หนามแหลมของมัน

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 9 ของโลกก็คือ บีเวอร์ เจ้าสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ทีมีความสามารถในการเคี้ยวที่มีกลิ่นรุนแรง เพียงเพื่อแสดงสิทธิเหนืออาณาเขตเท่านั้น มันเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่คิดค้นบ้านเหม็นของตัวเองขึ้นมาได้ รอบอาณาเขตของครอบครัว คุณจะพบกองโคลน กองไม้และมูลบีเวอร์ กลิ่นเหม็นที่ไม่ผิดเพี้ยนนี้เป็นส่วนผสมของวัสดุทำรังและของเหลวที่สกัดจากต่อมของบีเวอร์ที่เรียกว่าแคสโทเรียม (Castoreum)

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 8 ของโลกก็คือ วาฬ เบลูก้า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ขี้เล่นน่าแปลกใช่ไหมที่มีชื่อในรายการนี้ด้วย วาฬน่ารัดชนิดนี้ส่งกลิ่นเหม็นได้อย่างไรเมื่อมันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำ? ตัววาฬเองไม่มีกลิ่นเหม็นหรอก แต่เมื่ออาหารของมันประกอบด้วยอาหารทะเลสดและสัตว์ก็มีท้องขนาดใหญ่แต่มีกระบวนการย่อยช้าคุณย่อมจะเข้าใจว่าไม่มีกลิ่นอะไรจะแย่เท่ากับลมหายใจของวาฬเบลูก้ าอีกแล้วแต่ในการจดลำดับชื่อบนรายการนี้ ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ความสามารถในการสร้างแรงช็อค โดยการสูดกลิ่นลมหายใจสุดเหม็นของวาฬเข้าไปเต็ม

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 7 ของโลกก็คือ สุนัขจิ้งจอกแดง พวกมันฉลาด รวดเร็ว หน้าตาดี แต่มีกลิ่นฉุนอย่างยิ่งเลยทีเดียว และเหตุผลส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะที่อยู่อาศัย สัตว์กินเนื้อส่วนใหญ่จะทำรอยในเขตแดนของตัวเอง หรืออยากจะอ้างสิทธิครอบครองไว้เป็นของตัว สมาชิกส่วนใหญ่ในตระกูลแมวและสุนัขจึงใช้ฉี่หรือสารที่หลั่งจากต่อมเพื่อพ่นหรือถูตามเขตแดนของบ้าน

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 6 ของโลกก็คือ แมลง สติ้งค์บั๊ก เจ้าตัวเล็กสีเขียวที่ยาวไม่ถึง 1 นิ้ว แต่เมื่อพวกมันถูกคุกคาม มันจะปล่อยกลิ่นฉุนรุนแรง จนคุณไม่อยากเชื่อว่าสัตว์เล็กขนาดนี้จะเหม็นได้ถึงเพียงนี้ เพียงเพื่อป้องกันตัวมิให้ตกเป็นอาหารของใคร ของเหลวกลิ่นเหม็นเป็นอุปกรณ์ป้องกันชั้นดี ไม่เพียงแต่ทำให้แมลงรสชาติแย่พอที่จะทำให้สัตว์ที่กินมันเข้าไป ถ่มออกมาโดยไม่รอช้า แต่แมลงยังหวังว่านักล่าจะกลัวจนไม่กล้าเอาเข้าปากแต่แรกด้วยซ้ำไป

  

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 5 ของโลกก็คือ วัว มัสค์ พวกมันตัวใหญ่และมีขนดก ไม่เคยอาบน้ำ คุณลองนึกถึงพรมเก่าๆที่ทากาวติดไว้บนตัววัว หลั่งกินออกมาจากต่อมซึ่งไม่มีใครหลงผิดคิดว่าเป็นน้ำหอมแน่นอน มันเป็นกลิ่นที่ประกาศเรื่องทางเพศและความรุนแรง กลิ่นเป็นส่วนสำคัญในการเกี้ยวพาของมนุษย์ แม้ว่าเราจะไม่ทันรู้ตัวก็ตาม สมองของเราตรวจพบสัญญาณใต้สามัญสำนึกที่ส่งมาจากกันและกัน ช่วยให้เราตัดสินใจล่วงหน้าได้ ยิ่งใช้กลิ่นมากเท่าใหร่สัญญาณก็ยิ่งแรงขึ้นและกลิ่นจะยิ่งกระตุ้นอารมณ์ทางเพศมากขึ้นนี่คือประโยชน์ของการใช้โคโลญจ์ที่มีมัสค์สกัด และกลายเป็นความสำเร็จระดับโลกของอุตสาหกรรมน้ำหอม

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 4 ของโลกก็คือ วูลฟ์เวอรีน มันยาวแค่ 36 ฟุต และหนักไม่ถึง 36 ปอนด์ อาณาเขตบ้านของวูลฟ์เวอรีนมีขนาดหลายร้อยตารางไมล์ เพื่อทำรอยในเขตแดนมหึมาเช่นนี้ วูลฟเวอรีนจึงมีต่อมทวารขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสารกลิ่นเหม็นที่สัตว์ใช้ถูไปกับก้อนหินและต้นไม้ยามเดินผ่าน วูลฟ์เวอรีนมีร่างกายที่แข็งแรงมาก และพวกมันจะเดินทางไกลถึง 20 ไมล์ต่อคืนเพื่อหาอาหาร กลิ่นของมันยังคงลอยอวลอยู่ตามที่ต่างๆ และรุนแรงแม้กับจมูกของมนุษย์

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 3 ของโลกก็คือ ไฮยีนา เจ้าสัตว์ชนิดนี้มีกลิ่นเหม็นเพราะ 2 สาเหตุ เนื่องจากต่อมกลิ่นของมันและจากซากเน่าเปื่อยที่มันกินเป็นอาหาร ไฮอีนานั้นพิเศษตรงที่สารที่มีกลิ่นเหม็นของมันทำจากสารเคมีสองชนิด หนึ่งคือของเหลวหนาสีขาว ที่จะหลั่งออกมาก่อนแต่ยังคงเหม็นไปนานหลายสัปดาห์ ส่วนที่สองคือสารเหลวๆสีดำที่จะถูกทาทับสีขาวอีกที แต่จะเหม็นเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น อาจเป็นได้ว่าของเหลวสีขาวเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เพื่ออ้างสิทธิเหนือดินแดน และสีดำเพื่อส่งข้อความไปยังสมาชิกอื่น ๆ ในครอบครัวเดียวกัน

สัตว์ที่เหม็นเป็นอันดับที่ 2 ของโลกก็คือ สกั๊ง ค่อนข้างจะน่าแปลกใจที่สกั๊งอยู่ในอันดับที่ 2 แต่ก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของรายชื่ออยู่ดี ชื่อของสกั๊งจะใช้แทนคำว่าเหม็น พวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ใช้กลิ่นเป็นอาวุธ มันใช้กลิ่นของมันอย่างมีประโยชน์ถ้าหากว่ารู้สึกถูกคุกคาม สกั๊งค์จะเตือนศัตรูหลายครั้ง ก่อนจะทำสงครามเคมี มันจะพ่นสเปรย์ที่ทำจาก ซัลเฟอร์ แอลกอฮอล์ มันออกมาจากต่อมเหม็นขนาดเท่าผลองุ่นและห่อหุ้มด้วยกล้านที่ทวารของสกั๊งค์ เมื่อถึงเวลาจำเป็น มันจะบีบต่อมแล้วดันของเหลวของมาเป็นสาย เล็งเป้าหมายไปที่ใบหน้าของศัตรู เพื่อเป็นการขับไล่ศัตรู

อันดับที่ 1 สัตว์ที่เหม็นที่สุดในโลกได้แก่ ตัวแทสเมเนียน เดวิล ม้ามืดสำหรับตำแหน่งอันดับหนึ่ง แต่ด้วยกลิ่นที่เหมาะกับชื่อของมันมาก เช่นเดียวกับสกั๊งค์ ตามปกติ มันไม่มีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อเครียดแทสเมเนีย เดวิล จะปลดปล่อยกลิ่นรุนแรงที่ทำให้มนุษย์รู้สึกวิงเวียนได้ กลิ่นของสัตว์ชนิดนี้เหม้นเสียจนทำให้จมูกคุณแทบหลุดเลยทีเดียวแทสเมเนียน เดวิลเป็นสัตว์กระเป๋าหน้าท้อง ซึ่งหมายถึงพวกมันเลี้ยงลูกในกระเป๋าหน้าท้องในช่วง 4 เดือนแรกของชีวิต มันตัวไม่ใหญ่กว่าสุนัขตัวเล็ก แทสเมเนียน เดวิลมีเสียงแหลมสูง แถมยังโหดมีฟันซี่ใหญ่ เจ้าตัวนี้เป็นนักกินซาก และออกหากินทุกอย่างที่หาได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประสาทการดมกลิ่นของเราคือ หลังจากไม่กี่นาที เราจะเคยชินกับทุกอย่าง แม้ว่าจมูกจะยังทำงาน แต่สมองเราช่วยปิดกั้นสัญญาณที่บอกว่าบางอย่างมีกลิ่นเหม็น มันจึงช่วยอธิบายได้ว่าทำไมบางคนถึงทำงานในอาชีพแสนเหม็นเช่นการบรรจุเนื้อ หรือการเมืองได้ และนักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาสัตว์ที่เหม็นที่สุดในโลกได้อย่างไร?

(516)

ใส่ความเห็น