กลองมังคละ เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านในเขตภาคเหนือตอนล่าง เป็นที่นิยมกันมานาน มีหลักฐานว่า ดนตรีมังคละเล่นกันมานานนับแต่ครั้งกรุงสุโขทัย มีหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 1 บันทึกไว้ว่า “ท้าวหัวราน คำบง คำกลอง ด้วยเสียงพาทย์เสียงพิณ เลื่อนขับ” มีผู้ให้คำอธิบายและตีความว่า คำบง คำกลอง เป็นคำโบราณที่มีใช้ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยแปลว่า การประโคม ดังนั้นคำว่า คำบง คำกลอง จึงหมายถึงการตีกลองหรือประโคมกลองที่ขึงด้วยหนัง ซึ่งหมายถึงกลองมังคละ
การละเล่นพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิษณุโลก โดยลักษณะกลองมังคละนี้มีความเหมือนกับเครื่องดนตรี “กาหลอ” ดนตรีทางพื้นถิ่นภาคใต้ และวง “มงคลเภรี” ของศรีลังกา
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ บันทึกไว้ในคราวตรวจการที่หัวเมืองพิษณุโลก เมื่อ พ.ศ.2444 ได้ยินดนตรีดังกล่าวบริเวณวัดสะกัดน้ำมันจึงได้เรียกมาแสดงให้ดู ได้ให้ทัศนะต่อดนตรี “มังคละ” ว่า “เครื่องมังคละนี้เป็นเครื่องเบญจดุริยางค์แท้”
มังคละ เป็นกลองชนิดหนึ่ง ขึงด้วยหนัง มีรูปกลมรี ใช้ตีด้วยไม้ คำว่า “มังคละ” หมายถึง มงคล หรืองานที่เจริญก้าวหน้า มังคละจึงเป็นดนตรีที่เป็นมงคล การเล่นมังคละมีมาช้านาน ตั้งแต่สมัยโบราณกาลครั้งกรุงสุโขทัย มีหลักฐานในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่ว่า
“เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนมดอกไม้ มีหมอนนั่งหมอนโนน มีบริพารกฐิน โดยท่านแล้ปี แล้ญิบล้าน ไปสูดญัติกฐินถึงอรัญญิกพู้น เมื่อจักเข้ามาเวียงวังเท้าหัวลานดํบงคํกลองด้วยเสียงพาดเสียงพิน เลื่อนขับ ใครจักมักเล่นเล่น ใครจักมักหัวหัว ใครจักมักเลื่อนเลือน…………..”
ต่อมาได้มีการละเล่นมังคละที่เป็นการละเล่นที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของท้องถิ่นแห่งวัฒนธรรมข้าว มีการเกี้ยวพาราสีกันระหว่างหนุ่มสาวด้วยลีลาท่ารำต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน
การบรรเลงดนตรีมังคละใช้ในโอกาส ดังนี้ แห่พระ แห่นาค ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน งานประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง ทำ บุญกลางนา แห่แม่โพสพบรรเลงประกอบการแสดงต่างๆ งานแห่ศพ เป็นต้น
You must be logged in to post a comment.